เปิดชีวิต “เคร็ก โคกลีย์” แชมป์ Road To ONE UK บททดสอบต่อไป “แรมโบ้เล็ก”
ย้อนดูเส้นทางชีวิตที่ต้องสู้สุดใจของ “เคร็ก โคกลีย์” นักสู้มากฝีมือ วัย 31 ปี จากไอร์แลนด์ ก่อนจะกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง พบกับ “แรมโบ้เล็ก ฉ.อจลบุญ” มวยซ้ายหนักคม วัย 21 ปี จากชัยภูมิ ในกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ในศึก ONE Fight Night 24: จาร์เร็ด vs กุสตาโว ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07:00 น. ของวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.67
โดยก่อนการขึ้นสังเวียนระดับโลกหนที่ 2 ของ “เคร็ก โคกลีย์” จะมาถึง วันนี้เราจะขอพาทุกท่านไปย้อนดูเส้นทางชีวิตของนักสู้ดีกรีแชมป์จากเวทีค้นหาดาวรุ่ง Road To ONE สหราชอาณาจักร รายนี้ เพื่อสำรวจให้เห็นว่าเขาต้องเผชิญอุปสรรคอะไรมาบ้าง กว่าจะมาถึงวันนี้ที่ได้เป็นนักกีฬาขององค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
#ได้พี่ชายช่วยไม่ให้หลงผิด
“เคร็ก” เกิดและเติบโตขึ้นมาในย่านนอร์ธไซด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนในกรุงดับลิน เมืองหลวงของประเทศไอร์แลนด์ แม้จะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเสื่อมโทรมของสังคม รวมถึงต้องเผชิญกับความยากลำบากตั้งแต่เด็ก เนื่องจากขาดเสาหลักของครอบครัวอย่างคุณพ่อ แต่ “เคร็ก” กลับไม่เคยออกนอกลู่นอกทางโดยมีพี่ชายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เขาไม่เผลอหลงผิดไปทำในสิ่งผิดกฎหมาย
“ผมเติบโตมาในแฟลตครับ ถึงจะอยู่ในย่านที่อันตรายมากก็จริง แต่ก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้างครับ ส่วนตัวแล้ว ผมชอบสถานที่ที่ผมเติบโตมา เพราะการต่อสู้ดิ้นรนกับความยากลำบาก ช่วยหล่อหลอมให้ผมกลายเป็นผมในตอนนี้”
“คุณแม่ของผมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องออกไปทำงานหนักทุกวัน เพื่อเลี้ยงดูผมและน้องชาย ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนคุณพ่อของผม ท่านพัวพันอยู่กับอาชญากรรมและยาเสพติด และเข้าออกคุกเป็นประจำตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ ผมจึงจำท่านไม่ได้มากนัก”
“ในพื้นที่ที่ผมโตมา มีแต่สิ่งไม่ดีเต็มไปหมดครับ ทั้งยาเสพติด และความรุนแรง แต่ผมจะไม่พาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และพี่ชายของผม (ลี โคกลีย์) เขาเป็นคนคอยดูแลผมและพาผมออกห่าง จากคนไม่ดีเสมอ เขาจะสั่งสอนผมทุกครั้งที่ผมเผลอไปข้องแวะกับคนเหล่านั้นมากเกินไป เขาจะคอยดูแลให้ผมอยู่ในลู่ทาง”
#รักแรกพบคือ MMA
“เคร็ก” เป็นลูกคนกลางของตระกูลโคกลีย์ จากพี่น้อง 3 คน โดย “ลี” เป็นอดีตนักสู้ และ “เซนัน” น้องชายของเขากำลังลงแข่งการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) และด้วยคำแนะนำจาก “ลี” ทำให้ “เคร็ก” ที่ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตัดสินใจเลือกเดินในทางที่ถูกต้องด้วยการหันมาฝึกซ้อม MMA อย่างจริงจังเป็นอย่างแรก
“ตอนผมอายุราว ๆ 15 ปี พี่ชายแนะนำให้ผมรู้จัก MMA พี่บอกว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวเองได้แล้ว เพราะเขาเห็นผมยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตอนนั้นผมเห็นคนมีเงินเต็มไปหมด ในขณะที่เรากลับไม่มีอะไรเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกนั้นหาเงินมาจากไหน คุณอยากจะเอากลุ่มคนเหล่านั้นเป็นแบบอย่างก็ได้เพราะเขามีเงินและมีชีวิตที่ดี แต่ผมมีพี่ชายที่ฉลาดกว่าคอยประคับประคอง และดูแลผมอยู่เสมอ”
“MMA เป็นรักแรกของผม ผมฝึกบราซิลเลียนยิวยิตสู (BJJ) มาประมาณปีครึ่ง และผมมักจะปรึกษาโค้ชเรื่องการลงแข่งเสมอ เพราะผมอยากลงแข่งตลอดเวลา แต่โค้ชก็บอกผมว่าผมมีทักษะการจับล็อกที่ดีแล้ว แต่ทักษะการยืนสู้ยังใช้ไม่ได้ ดังนั้นผมจึงต้องเรียนรู้วิธีการยืนสู้ที่ถูกต้อง
“จนวันหนึ่งผมและเพื่อนสนิทเดินผ่านยิมที่ผมฝึกซ้อมอยู่ตอนนี้ และเราก็ได้ยินเสียงนวมกระทบเป้า และได้ยินเสียงตะโกนของนักสู้ที่กำลังชกเป้า เราจึงรีบเข้าไปดู และพบว่ามันเป็นมวยไทย ผมลองซ้อมดูและชอบมันทันที”
#เบนเข็มเป็นนักมวยไทย
เมื่อ “เคร็ก” ค้นพบว่ามวยไทยคือความหลงใหลอันดับหนึ่งของเขา เขาจึงตัดสินใจทุ่มเทให้กับศิลปะการต่อสู้แขนงนี้อย่างเต็มที่ โดยตัดสินใจละทิ้งทั้ง MMA และโอกาสทางการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ได้รับผ่านโครงการเยาวชนท้องถิ่น ทันที ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักมวยไทยอาชีพให้ได้
“3 เดือนหลังจากฝึกซ้อมมวยไทย ตอนนั้นผมอายุ 18 ปี และมีคนถามว่าอยากลงแข่งขันไหม ผมตอบกลับไปทันทีว่าอยาก และหลังจากฝึกได้ 5 เดือน ผมก็ได้ขึ้นชกเป็นครั้งแรก ซึ่งนั่นทำให้ผมตกหลุมรักมวยไทยเต็ม ๆ และทำให้ผมเลิกสนใจ MMA และหันมาโฟกัสไปที่การเป็นนักมวยไทยแทน”
“ในช่วงปีแรกที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เป็นช่วงที่ผมเริ่มจริงจังกับการต่อสู้ ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยในช่วงกลางปีแรก เพราะเห็นโอกาสที่ผมจะไปได้ไกลในการเป็นนักมวยไทยอาชีพ ผมได้โอกาสขึ้นชกชิงแชมป์ครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี ที่อังกฤษ และนั่นคือช่วงเวลาที่ผมตัดสินใจทันทีว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากทำในชีวิตนี้”
#พร้อมพิสูจน์ตัวเองบนเวที ONE
อย่างไรก็ตามเส้นทางสู่การเป็นนักมวยไทยอาชีพไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ “เคร็ก” วาดฝันเอาไว้ เนื่องจากวงการมวยไทยในไอร์แลนด์ ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่ากับในประเทศอืน แต่ไมว่าจะเจออุปสรรคขนาดไหน “เคร็ก” ยังคงแน่วแน่ต่อเป้าหมายและทุ่มเททำงานหนักอย่างต่อเนื่อง กระทั่งพุ่งชนความสำเร็จครั้งใหญ่ จากการเป็นผู้ชนะรายการ Road To ONE สหราชอาณาจักร ในเดือนเม.ย.66
ความสำเร็จในครั้งนั้นทำให้ “เคร็ก” ได้โอกาสบินข้ามทวีปมาเปิดตัวในศึกใหญ่ส่งท้ายปี 2566 อย่างศึก ONE ลุมพินี 46: ตะวันฉาย vs ซุปเปอร์บอน ซึ่งแม้ว่าจะเริ่มต้นเส้นทางแห่งความฝันด้วยการแพ้น็อก “เสือแบล็ค ท.พราน49” ตั้งแต่ยกแรก แต่เขายังคงมั่นใจในความสามารถของตัวเองว่ามีดีไม่แพ้ใครในรุ่นแบนตัมเวต และพร้อมที่จะพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนเห็น ด้วยการเอาชนะ “แรมโบ้เล็ก” ในวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.นี้
“ผมคิดจริง ๆ ว่าผมคือหนึ่งในนักชกที่เก่งที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพียงแต่ไฟต์ล่าสุดผมยังไม่มีโอกาสได้แสดงทักษะออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดเท่านั้น มันเป็นอะไรที่รู้สึกเจ็บปวดที่สุดสำหรับผม ผมคงจะทำใจได้ง่ายกว่านี้ ถ้าหากแพ้ไปโดยที่ได้แสดงทักษะบางอย่างออกมาแล้ว ดังนั้นไฟต์นี้จึงเป็นไฟต์ที่ผมจะกอบกู้ศรัทธาของทุกคนคืนมาให้ได้”
“แฟนของผมลาออกจากงานมา 2-3 แล้ว เพื่อมาช่วยจัดการสิ่งต่าง ๆ ในเส้นทางอาชีพของผมให้ราบรื่นขึ้น และช่วยให้ผมได้โฟกัสกับการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องพะวงอะไรอีก สิ่งนี้ถือเป็นแรงผลักดันที่ดีมากสำหรับผม ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผมแล้ว คนส่วนใหญ่จะยอมแพ้ภายใต้แรงกดดันแบบนี้ แต่สำหรับผมมันยิ่งเป็นแรงผลักดัน ผมต้องชนะเพื่อตัวผมและเพื่อพวกเขา”
ติดตาม “เคร็ก vs แรมโบ้เล็ก” ศึก ONE Fight Night 24: จาร์เร็ด vs กุสตาโว ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันเสาร์ที่ 3 ส.ค.67 จองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 07.00 น. และรับชมทางช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 10.00 น.
- เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เริ่ม 07.00 น.
- ยูทูบ ONE Championship (บางประเทศ) เริ่ม 07.00 น.
- Watch.ONEFC.com เริ่ม 07.00 น.